ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันสำหรับผู้ขาย
โปรดอ่านข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากการที่ผู้ขายเลือกยอมรับข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ เป็นการที่ผู้ขายตกลงเข้าทำและผูกพันตามข้อความที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ขายจะไม่สามารถใช้งานหรือขายสินค้าบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทได้หากผู้ขายไม่ตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
ผู้ขายสามารถเลือกที่จะไม่เข้าใช้หรือหยุดการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทได้หากผู้ขายไม่ยอมรับข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
ข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ทำขึ้นระหว่างผู้ขายและบริษัทเมื่อวันที่ของข้อตกลงสำหรับผู้ขาย โดยที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันตามข้อความดังต่อไปนี้
  • 1. คำจำกัดความ
    • 1.1. “ข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้” หมายถึง ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทสำหรับผู้ขายฉบับนี้
    • 1.2. “บริษัท” หมายถึง บริษัท ศิลาสานนท์ จำกัด
    • 1.3. “ผู้ขาย” หมายถึง บุคคลที่สร้างบัญชีผู้ขายสินค้าและบริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท (ในกรณีที่บุคคลนั้นสร้างบัญชีผู้ขายในนามของตนเอง) หรือนายจ้างหรือตัวการหรือผู้มอบอำนาจของบุคคลที่สร้างบัญชีผู้ขายสินค้าและบริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท (ในกรณีที่บุคคลนั้นสร้างบัญชีผู้ขายแทนหรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลหรือบุคคลอื่น)
    • 1.4. “เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท” หมายถึง www.circulo.in.th และเว็บไซต์และแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้อง
    • 1.5. “วันที่ของข้อตกลงสำหรับผู้ขาย” หมายถึง วันที่ผู้ขายตกลงยอมรับและเข้าผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 1.6. “วัน” หมายถึง วันตามปฏิทิน
    • 1.7. “บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
    • 1.8. “ข้อมูลที่เป็นความลับ” หมายถึง (1) ข้อมูลซึ่งผู้ขายได้รับหรือล่วงรู้อันเนื่องมาจากการใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท และ (2) ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท
    • 1.9. “สินค้าและบริการ” หมายถึง สินค้าและบริการที่ (1) ผู้ขายเสนอขายบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท (2) บริษัทสั่งซื้อจากผู้ขายบนบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท หรือ (3) ผู้ขายตกลงขายให้กับบริษัทบนบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท
  • 2. ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป
    • 2.1. ผู้ขายตกลงยอมรับและเข้าผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้เมื่อ (1) ผู้ขาย (ในกรณีที่ผู้ขายเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้ที่สร้างบัญชีผู้ขาย) หรือ (2) ลูกจ้างหรือตัวแทนของผู้ขายหรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ขาย (ในกรณีที่ผู้ที่สร้างบัญชีผู้ขายสร้างบัญชีในนามของนายจ้างหรือตัวการ) ทำเครื่องหมายในกล่องข้อความว่ายอมรับข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ หรือยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ หรือสมัครเป็นผู้ขาย หรือสร้างบัญชีผู้ขาย หรือกระทำการอื่นใดที่อาจถือได้ว่าเป็นการตกลงยอมรับและเข้าผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 2.2. ผู้ขายต้องสมัครและสร้างบัญชีผู้ขายและได้รับการอนุมัติจากบริษัทให้เป็นผู้ขายก่อนเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทและบริการของบริษัทได้
    • 2.3. ในการสมัครและสร้างบัญชีผู้ขายนั้น ผู้ขายต้องแจ้งข้อมูลและส่งเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนตามรายการและวิธีการที่บริษัทกำหนด บริษัทสามารถปฏิเสธไม่อนุมัติการสมัครและสร้างบัญชีได้หากบริษัทพบว่าหรือมีเหตุสงสัยว่าข้อมูลและเอกสารที่ได้รับจากผู้ขายไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน และหากบริษัทตรวจพบหลังจากที่ได้อนุมัติให้เป็นผู้ขายแล้วว่าข้อมูลและเอกสารที่ใช้ประกอบการสมัครเป็นผู้ขายไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน บริษัทสามารถระงับสถานะการเป็นผู้ขายหรือระงับบัญชีผู้ขายและบอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ได้ทันที
    • 2.4. ผู้ขายตกลงใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทเพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับบริษัท
    • 2.5. คู่สัญญาไม่ได้เข้าทำข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำการหรือประกอบกิจการร่วมกัน เพื่อแบ่งกำไรกัน หรือเพื่อเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือกิจการร่วมค้ากันแต่อย่างใด
    • 2.6. ผู้ขายต้องเก็บรักษาชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านของผู้ขายไว้เป็นความลับ และต้องใช้เป็นการส่วนตัวเฉพาะผู้ขายรายนั้นเท่านั้น
    • 2.7. ผู้ขายตกลงให้ถือว่า การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้บัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่านของผู้ขายเป็นการกระทำและคำสั่งที่ถูกต้องของผู้ขาย ซึ่งผู้ขายต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำและคำสั่งนั้นทุกประการ
    • 2.8. ในกรณีที่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ขายเป็นผู้ตกลงยอมรับและเข้าผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ ผู้ขายตกลงผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ตามที่บุคคลดังกล่าวได้กระทำไป และหากการตกลงยอมรับและเข้าผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้โดยบุคคลอื่นนั้นเป็นการกระทำที่ปราศจากอำนาจหรือเหนือขอบอำนาจ ผู้ขายตกลงให้ถือว่าผู้ขายได้ให้สัตยาบันแก่การตกลงยอมรับและเข้าผูกพันตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้เมื่อผู้ขายขายสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทหรือใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท
  • 3. สิทธิและหน้าที่ของผู้ขาย
    • 3.1. ผู้ขายรับรองว่าสินค้าและบริการมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนด ซึ่งบริษัทอาจแจ้งให้ผู้ขายทราบในแต่ละช่วงเวลา
    • 3.2. ผู้ขายต้องจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพดี และต้องไม่เสนอขายสินค้าและบริการที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
    • 3.3. ผู้ขายต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการนั้น ซึ่งรวมถึงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถขายสินค้าและบริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทได้ (ถ้าจำเป็น)
    • 3.4. หากผู้ขายมีการเปลี่ยนแปลงสถานะภาพใดๆ ไม่ว่าจะในทางข้อเท็จจริงหรือทางเอกสาร ผู้ขายต้องรีบแจ้งเป็นหนังสือให้บริษัททราบโดยทันที และบริษัทสามารถอ้างเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงสถานภาพนี้เพื่อบอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ได้
    • 3.5. ผู้ขายต้องใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทตามข้อกำหนดของบริษัทและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้เท่านั้น
    • 3.6. ผู้ขายต้องไม่โอนหรือช่วงสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ให้กับบุคคลอื่น
    • 3.7. ในกรณีที่บริษัทกำหนด ผู้ขายต้องจัดให้มีสต๊อคสินค้าสำรองไว้เพื่อส่งให้กับบริษัทได้ตามจำนวนที่บริษัทกำหนด
    • 3.8. ผู้ขายต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ทุกประการ
  • 4. สิทธิและหน้าที่ของบริษัท
    • 4.1. บริษัทสามารถซื้อสินค้าและบริการที่เหมือนกับสินค้าและบริการของผู้ขาย หรือมีลักษณะคล้ายกับสินค้าและบริการของผู้ขาย หรือที่แข่งขันกับสินค้าและบริการของผู้ขายจากบุคคลอื่นได้
    • 4.2. หากบริษัทตรวจพบหรือมีเหตุที่จะสงสัยได้ว่าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญานี้ หรือได้รับแจ้งจากผู้ซื้อหรือบุคคลอื่นว่าสินค้าและบริการของผู้ขายไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของสัญญานี้ บริษัทสามารถระงับ ถอดถอน หรือลบสินค้าและบริการของผู้ขายได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ขายทราบล่วงหน้าได้
    • 4.3. บริษัทมีสิทธิตรวจสอบหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นตรวจสอบว่าผู้ขายปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้หรือไม่ และผู้ขายตกลงจะให้ความร่วมมือกับบริษัทหรือบุคคลที่บริษัทมอบหมายในการตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการให้ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องด้วย
    • 4.4. บริษัทมีสิทธิเข้าไปตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ต้นแหล่งหรือสถานที่ผลิตได้ตลอดเวลา โดยจะต้องบอกกล่าวให้ผู้ขายทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบ
    • 4.4. บริษัทมีสิทธิเข้าไปตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ต้นแหล่งหรือสถานที่ผลิตได้ตลอดเวลา โดยจะต้องบอกกล่าวให้ผู้ขายทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบ
  • 5. ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
    • 5.1. ผู้ขายต้องตรวจสอบและรักษาความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่ผู้ขายระบุไว้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทตลอดเวลา หากเกิดกรณีที่ข้อมูลของสินค้าและบริการไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นไปตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ (“ข้อมูลผิดพลาด”) ผู้ขายต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขข้อมูลผิดพลาดนั้นทันที และต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากข้อมูลผิดพลาดดังกล่าว และหาข้อมูลผิดพลาดนี้เป็นเหตุให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อบริษัทหรือบุคคลอื่น ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าว
    • 5.2. ผู้ขายต้องรับผิดชอบหากข้อมูลของผู้ขายเป็นข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นการละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลอื่น
  • 6. ราคาขายสินค้าและบริการ
    • 6.1. ราคาขายสินค้าและบริการให้เป็นไปตามที่ผู้ขายระบุไว้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทหรือตามราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันผ่านช่องทางบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท (“ราคาขายสินค้าและบริการ”)
    • 6.2. ผู้ขายต้องแสดงราคาขายสินค้าและบริการให้ชัดเจน และผู้ขายต้องไม่คิดค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือคิดราคากว่าราคาขายสินค้าและบริการที่ผู้ขายระบุบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท และผู้ขายมีหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบความถูกต้องของราคาขายสินค้าและบริการ
    • 6.3. ในกรณีที่ผู้ขายเสนอขายเฉพาะสินค้า ราคาขายสินค้าและบริการจะเป็นราคาของสินค้าที่เสนอขายนั้นโดยไม่รวมค่าขนส่ง แต่หากผู้ขายเสนอขายสินค้าพร้อมบริการขนส่ง ราคาขายสินค้าและบริการจะเป็นราคาของสินค้าที่เสนอขายนั้นรวมค่าขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บริษัทกำหนด
    • 6.4. ราคาขายสินค้าและบริการไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายอาจเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ขายจะออกใบกำกับภาษีให้มีจำนวนเท่ากับภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ขายเรียกเก็บ และส่งมอบให้แก่บริษัทในทันทีที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น
  • 7. สัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการ
    • 7.1. สัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการระหว่างผู้ขายและบริษัท (“สัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการ”) เกิดขึ้นเมื่อผู้ขายและบริษัทตกลงซื้อสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท ซึ่งมีผลผูกพันผู้ขายและบริษัทตามข้อความที่ปรากฎในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 7.2. สัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 7.3. ผู้ขายต้องดำเนินการตามสัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการด้วยตนเองเท่านั้น ผู้ขายจะนำงานตามสัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการทั้งหมดหรือบางส่วนไปให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนไม่ได้โดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน และแม้จะได้รับความยินยอมจากบริษัทแล้วก็ตาม ผู้ขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามสัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการตลอดไป
  • 8. การชำระเงิน
    • 8.1. บริษัทจะชำระราคาขายสินค้าและบริการภายในกำหนดเวลาที่บริษัทจะได้แจ้งให้ผู้ขายทราบ
    • 8.2. ผู้ขายสัญญาว่าจะไม่โอนสิทธิการรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการให้กับบุคคลอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท
    • 8.3. หากผู้ขายไม่ปฏิบัติตามข้อหนึ่งข้อใดในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย ผู้ขายยินยอมให้บริษัทนำเงินค่าสินค้าหรือบริการที่บริษัทยังไม่ได้ชำระให้แก่ผู้ขายไปชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวโดยหักจากเงินค่าสินค้าหรือบริการที่ยังไม่ได้ชำระเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ทันที และหากไม่เพียงพอ ผู้ขายยินยอมชดใช้เพิ่มเติมให้แก่บริษัทจนครบถ้วน
  • 9. การส่งมอบสินค้า
    • 9.1. ผู้ขายต้องส่งมอบสินค้าหรือให้บริการตามปริมาณ กำหนดเวลา และสถานที่ที่บริษัทกำหนด
    • 9.2. ทั้งสองฝ่ายตกลงให้กรรมสิทธิ์ในสินค้าที่ผู้ขายส่งมอบโอนมาเป็นของบริษัทเมื่อบริษัทได้ตรวจสอบและรับมอบสินค้าดังกล่าวแล้ว
    • 9.3. บริษัทอาจปฏิเสธไม่รับมอบสินค้าหรือบริการจากผู้ขายได้ถ้า
      • 9.3.1. สินค้าและบริการมีคุณสมบัติไม่ตรงตามตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนด
      • 9.3.2. สินค้ามีปริมาณไม่ตรงตามที่บริษัทกำหนด หรือ
      • 9.3.3. ผู้ขายไม่ส่งมอบสินค้าหรือให้บริการตามกำหนดเวลาหรือสถานที่ที่บริษัทกำหนด
    • 9.4. หากบริษัทมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับคุณภาพหรือปริมาณของสินค้าที่ผู้ขายได้ส่งมอบภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับสินค้าหรือบริการดังกล่าว ในกรณีที่เป็นการส่งมอบสินค้า ผู้ขายตกลงจะนำสินค้ากลับคืนและส่งมอบสินค้าที่ถูกต้องตามสัญญาซื้อขายให้บริษัทใหม่ภายใน 3 วันนับแต่ได้รับแจ้งจากบริษัทด้วยค่าใช้จ่ายของผู้ขาย ทั้งนี้ การที่บริษัทรับสินค้าจากผู้ขายไว้ในการครอบครองไม่ถือว่าเป็นการรับมอบสินค้าดังกล่าวจนกว่าบริษัทจะได้ตรวจสอบสินค้าดังกล่าวและแจ้งผู้ขายว่าบริษัทรับมอบสินค้าดังกล่าว
    • 9.5. หากผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสินค้าหรือให้บริการได้ตามเวลาที่บริษัทกำหนด ผู้ขายต้องแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน ก่อนถึงกำหนดส่งมอบสินค้าหรือบริการดังกล่าว
    • 9.6. หากผู้ขายไม่ส่งมอบสินค้าหรือให้บริการตามเวลาที่บริษัทกำหนด บริษัทอาจอนุญาตให้ผู้ขายจัดหาสินค้าหรือบริการจากบุคคลอื่นมาส่งมอบให้แก่บริษัทหรือบริษัทอาจจัดหาสินค้าหรือบริการจากบุคคลอื่นเพื่อทดแทนสินค้าหรือบริการที่ผู้ขายไม่ส่งมอบนั้นได้ (“สินค้าหรือบริการทดแทน”)
    • 9.7. ในกรณีที่บริษัทเลือกจัดหาสินค้าหรือบริการทดแทนจากบุคคลอื่น ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดหาสินค้าหรือบริการทดแทนทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการที่ผู้ขายต้องรับผิดชอบส่วนต่างในกรณีที่ราคาสินค้าหรือบริการทดแทนนั้นสูงกว่าราคาขายสินค้าและบริการที่บริษัทตกลงไว้กับผู้ขาย ค่าขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
  • 10. การปิดบัญชีผู้ขาย
    • 10.1. บริษัทเคารพสิทธิของผู้ขายในการเลือกใช้หรือไม่ใช้งาน กรณีที่ผู้ขายต้องการปิดบัญชีของผู้ขาย โปรดติดต่อ circulosupport@scg.com
    • 10.2. ข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้เป็นข้อตกลงที่ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทสงวนสิทธิที่จะปิดบัญชีผู้ขายของผู้ขายโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในกรณีที่ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้หรือข้อกำหนดอื่น ๆ ที่บริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไป
    • 10.3. ในกรณีที่ผู้ขายเลือกปิดบัญชีผู้ขาย กรุณาบันทึกหรือทำสำเนาข้อมูลของผู้ขายไว้ก่อนแจ้งการปิดบัญชี เนื่องจากบริษัทอาจลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ขายของผู้ขายหลังจากที่บัญชีนั้นถูกปิดแล้ว
  • 11. เหตุสุดวิสัย
    • 11.1. ผู้ขายต้องจัดส่งสินค้าและให้บริการแก่ผู้ซื้อภายในระยะเวลาที่ผู้ขายระบุไว้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทหรือตามระยะเวลาที่บริษัทกำหนด หากเกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ทำให้ผู้ขายไม่สามารถจัดส่งสินค้าหรือให้บริการได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ผู้ขายต้องแจ้งให้บริษัททราบทันที และผู้ขายจะต้องร่วมมือกับบริษัทเพื่อแก้ไขหรือบรรเทาเหตุสุดวิสัยนั้นร่วมกันโดยเร็วที่สุด
  • 12. ทรัพย์สินทางปัญญา
    • 12.1. บริษัทเป็นเจ้าของข้อมูลและลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า สัญลักษณ์ เครื่องหมายบริการ และชื่อทางการค้า ไม่ว่าจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียน ที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทไม่อนุญาตหรือยินยอมให้มีการใช้ข้อมูล ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า สัญลักษณ์ เครื่องหมายบริการ และชื่อทางการค้าของบริษัทโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท เว้นแต่เป็นการใช้ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 12.2. บริษัทเป็นเจ้าของและเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใด เว้นแต่จะกำหนดเป็นอย่างอื่นในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลทั้งหมดได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ผู้ขายต้องไม่คัดลอก ดาวน์โหลด สั่งพิมพ์ หรือ ใช้ข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากบริษัทโดยชัดแจ้ง
    • 12.3. ผู้ขายต้องไม่ทำซ้ำ ดัดแปลง ปรับปรุง แก้ไข ต่อเติม เรียบเรียงใหม่ หรือวิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทไม่ว่ากรณีใดก็ตาม และจะไม่ลบ ทำลาย ทำให้เสียหาย หรือทำให้ไม่ชัดเจนซึ่งเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้าหรือบริการของบริษัทไม่ว่าจะโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม และผู้ขายต้องไม่แต่งตั้งให้บุคคลภายนอกกระทำการตามข้อนี้
    • 12.4. ผู้ขายต้องไม่ใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทในการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น และต้องไม่นำข้อมูลที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นเข้าสู่เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท
  • 13. การใช้ข้อมูลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • 13.1. บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายหรือบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับผู้ขายตามวัตถุประสงค์และรายละเอียดที่ปรากฎในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.circulo.in.th ทั้งนี้ บริษัทอาจแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทเพื่อความเหมาะสมได้ตลอดเวลา
    • 13.2. ผู้ขายต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับการประมวลผลข้อมูลเหล่านั้น เช่น ผู้ขายอาจต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบว่าผู้ขายจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อะไร หรือผู้ขายจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับใครบ้าง รวมทั้งผู้ขายอาจต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นด้วย
    • 13.3. ผู้ขายรับรองว่าผู้ขายสามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับบริษัทได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย
    • 13.4. บริษัทและผู้ขายเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นอิสระแยกจากกันและไม่มีความรับผิดร่วมกันหรือแทนกัน
    • 13.5. ผู้ขายต้องไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ขายได้รับจากการใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น นอกเหนือจากการปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้และการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายกับผู้ซื้อ เว้นแต่ผู้ขายจะได้รับอนุญาตจากบริษัท
  • 14. ความรับผิดและข้อจำกัดความรับผิด
    • 14.1. ผู้ขายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจนเป็นเหตุให้บริษัทถูกเรียกค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่าย หรือถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ขายตกลงรับผิดชอบชดใช้ค่าปรับ ค่าเสียหาย และค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่บริษัททั้งหมดโดยทันที
    • 14.2. บริษัทไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายโดยอ้อมและความเสียหายอันเกิดแก่พฤติการณ์พิเศษ เช่น การสูญเสียรายได้ การสูญเสียกำไร การสูญเสียทางการตลาด การเสียชื่อเสียง การเสียลูกค้า การขาดประโยชน์จากการใช้ หรือการเสียโอกาส ที่เกิดจากการใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทและการที่บริษัทดำเนินการตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 14.3. ผู้ขายยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทและตกลงจะไม่เรียกร้องให้บริษัทต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท ซึ่งรวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีดังต่อไปนี้
      • 14.3.1. เอกสาร รูปภาพ หรือข้อมูลบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทเกิดความผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
      • 14.3.2. มีความเสียหายเกิดขึ้นจากการใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์ มัลแวร์ ชุดคำสั่ง รหัสหรือข้อมูลที่ทำขึ้นด้วยเจตนาทุจริต
      • 14.3.3. เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทเกิดการขัดข้อง ติดขัด ล่าช้า ไม่สามารถให้บริการได้ หรือแสดงข้อมูล เอกสาร รูปภาพ เกี่ยวกับสินค้าและบริการผิดพลาด
  • 15. การรักษาความลับ
    • 15.1. ผู้ขายต้องรักษาข้อมูลที่เป็นความลับทั้งหมดไว้เป็นความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
    • 15.2. ผู้ขายต้องไม่ใช้ข้อมูลที่เป็นความลับเพื่อการอื่นใดนอกเหนือจากการใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทล่วงหน้า
    • 15.3. ผู้ขายต้องไม่ใช้ข้อมูลที่เป็นความลับในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของบริษัท
    • 15.4. ผู้ขายต้องไม่ยื่นจดคำขอรับความคุ้มครองทางทรัพย์สินทางปัญญาในข้อมูลที่เป็นความลับ
    • 15.5. ผู้ขายต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยทันทีเมื่อจำเป็นต้องเปิดเผยตามข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งในกรณีเช่นนี้ข้อมูลที่เป็นความลับยังคงเป็นความลับและไม่ถือเป็นข้อมูลที่ได้เปิดเผยแก่สาธารณชนแล้วเนื่องมาจากการเปิดเผยดังกล่าว
    • 15.6. ข้อมูลดังต่อไปนี้ไม่เป็นข้อมูลที่เป็นความลับ
      • 15.6.1. ข้อมูลซึ่งในวันที่มีการเปิดเผยได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว หรือต่อมาภายหลังได้เป็นข้อมูลที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วที่มิใช่เนื่องมาจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำของผู้ขาย หรือ
      • 15.6.2. ข้อมูลซึ่งได้มีการเปิดเผยมาแล้วหรือได้รับมาโดยถูกต้องตามกฎหมายหลังจากที่ผู้ขายยอมรับข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้โดยไม่มีเงื่อนไขการรักษาความลับจากบุคคลอื่นใดซึ่งมีสิทธิอันชอบธรรมในการครอบครองข้อมูลเหล่านั้นและไม่มีหน้าที่ความผูกพันใดๆ ในการรักษาความลับที่เกี่ยวข้องนั้น
    • 15.7. หากผู้ขายเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับให้กับบุคคลที่ผู้ขายเห็นว่าเกี่ยวข้อง ผู้ขายต้องรับผิดชอบในกรณีที่บุคคลเหล่านั้นไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับนี้
  • 16. ผลของการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 16.1. เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ขึ้น (“การผิดข้อตกลง”) บริษัทมีสิทธิดังต่อไปนี้
      • 16.1.1. บอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้กับผู้ขายได้ทันที และเรียกค่าเสียหายตามความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือ
      • 16.1.2. ระงับการทำธุรกรรมของผู้ขายและการให้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทแก่ผู้ขายไว้ชั่วคราวตามระยะเวลาที่บริษัทกำหนดจนกว่าผู้ขายจะดำเนินการเพื่อแก้ไขการผิดข้อตกลงนั้นแล้วเสร็จ และหากผู้ขายไม่สามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขการผิดข้อตกลงนั้นได้ภายในระยะเวลาชั่วคราวตามที่บริษัทกำหนดไว้ บริษัทสามารถบอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้กับผู้ขายได้ทันที และสามารถเรียกค่าเสียหายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้ขายได้อีกด้วย
  • 17. ระยะเวลาและการบอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 17.1. ข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ของข้อตกลงสำหรับผู้ขายและมีผลต่อไปจนกว่าจะถูกบอกเลิก
    • 17.2. เว้นแต่จะมีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายสามารถบอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ได้โดยการแจ้งให้อีกฝ่ายทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
  • 18. ข้อตกลงอื่น
    • 18.1. หากบริษัทแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ขายทราบและบริษัทจะขอให้ผู้ขายตกลงและยอมรับข้อตกลงที่มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม (“ข้อตกลงใหม่”) นั้น และคู่สัญญาตกลงกันว่า บริษัทสามารถระงับการให้บริการตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ไว้ได้ชั่วคราวจนกว่าผู้ขายจะตกลงและยอมรับข้อตกลงใหม่ ในกรณีที่ผู้ขายไม่ตกลงและยอมรับข้อตกลงใหม่ภายในระยะเวลาที่บริษัทกำหนด ให้ถือว่าเป็นการที่ผู้ขายแสดงเจตนาบอกเลิกข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 18.2. ในกรณีที่ข้อความในข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้และเอกสารอื่นขัดแย้งกัน คู่สัญญาตกลงให้เป็นดุลพินิจของบริษัทในการตีความ
    • 18.3. ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้เป็นโมฆะ ให้ส่วนที่ไม่เป็นโมฆะนั้นแยกออกจากส่วนที่เป็นโมฆะและมีผลบังคับใช้ต่อไปได้
    • 18.4. ผู้ขายยินยอมให้บริษัทสามารถเปลี่ยนตัวคู่สัญญาฝ่ายบริษัทหรือโอนสิทธิเรียกร้องและหน้าที่ตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ให้กับบุคคลอื่นได้
    • 18.5. การละเว้นไม่ใช้สิทธิหรือการผ่อนผันการใช้สิทธิไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของบริษัทไม่ถือว่าเป็นการที่บริษัทสละสิทธิตามข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้หรือเงื่อนไขข้อนั้น และบริษัทยังคงสงวนสิทธิที่จะเลือกใช้สิทธิตามข้อดังกล่าวได้ต่อไป
    • 18.6. กฎหมายไทยใช้บังคับกับข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้
    • 18.7. ข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้เป็นข้อตกลงทั้งหมดของคู่สัญญาและให้ใช้บังคับเหนือความตกลงอื่นในเรื่องเดียวกันที่ได้ทำมาก่อนหน้านี้
    • 18.8. ข้อตกลงที่ระบุไว้ในหัวข้อ “ทรัพย์สินทางปัญญา” “ความรับผิดและข้อจำกัดความรับผิด” “การรักษาความลับ” และ “ข้อตกลงอื่น” ยังคงมีผลต่อไปแม้ว่าข้อตกลงสำหรับผู้ขายนี้ถูกบอกเลิกหรือสิ้นสุดลงแล้ว